จึงลากหน้าต่างสนทนาขึ้นมาถามจอนนี่เอ็กซ์เพื่อนร่วมคณะ (วิศวะกรรมไฟฟ้า และดอทเอ) ว่ามีหนังอะไรในโลกนี้บ้างที่ผมควรจะดู นายจอนนี่จึงโยนหนังชื่อ Citizen Kane นี้มาเข้าหัวให้ได้รับรู้กัน

หลังจากลองค้นหาดูสักพัก พบว่าในอันดับ AFI's 100 years 100 movies ที่ American Film Institute ได้จัดอันดับหนังที่ดีที่สุด 100 เรื่องใน 100 ปีที่ผ่านมานี้ Citizen Kane นั้นรั้งอยู่อันดับแรกสุด
ในใจอยากรู้มากว่า หนังที่รั้งอันดับแรกของลิสต์นี้ จะดีแค่ไหน จึงได้สรรหามาดู
(spoiler alert: หากใครที่สนใจอยากหาหนังเรื่องนี้มาดูอย่างมีอรรถรสเต็มที่ กรุณาอย่าอ่าน post นี้)
พอโหลดมาเริ่มดูผมก็ตกใจ เพราะ Citizen Kane เป็นหนังขาวดำ (หนังออกมาตอนปี 1941) โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยจะเคยดูหนังขาวดำมาก่อน (เหมือนเด็กไทยทั่วไป) ลึกๆแล้วก็ด่วนสรุปว่า หนังมันจะดีจริงหรอ เก่าขนาดนี้ แต่....
ก็นั่ง (นอน) ดูจนจบ...
Citizen Kane เป็นหนังที่สร้างและกำกับ(และแสดงนำ)โดย Orson Welles ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ซึ่ง Citizen Kane นั้นถือว่าเป็นหนังแจ้งเกิดของเขาเลยทีเดียว น่าเสียดายอย่างหนึ่ง ดังเนื่องจากพล๊อตเรื่องของหนังเรื่องนี้มี แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของบุคคลซึ่งมีอิทธิพลมากผู้หนึ่งในยุคนั้น และมีเนื้อหาที่ค่อนข้างออกแนววิจารณ์ชีวิตของบุคคลคนนั้น จึงทำให้บุคคลนั้นพยายามที่จะลอบบี้ให้หนังเรื่องนี้ไม่ถูกฉายในโรงหนังหลายโรง และส่งผลให้รายได้ box office ออกมาไม่มากเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นหนังที่ทำรายได้สูงเรื่องหนึ่ง
เนื้อเรื่องโดยย่อ:
หนังเรื่องนี้ดำเนินเนื้อเรื่องตามชีวิตของนาย Charles Foster Kane
หนังเปิดมาด้วยฉากที่นาย Kane ผู้ที่ชราภาพมากแล้ว สิ้นใจลงบนเตียงในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตของตนเอง โดยทิ้งคำพูดสั้นๆสุดท้ายที่เป็นปริศนาว่า "rosebud"
Kane เป็นเจ้าของธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากในสหรัฐยุคนั้น ช่วงบั้นปลายชีวิตเขาสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Xanadu) และกว้านซื้อสมบัติต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรืองานศิลป์หลากหลายเพื่อนำมาเป็นของสะสมส่วนตัว
หลังจากการจากไปของ Kane สำนักข่าวแห่งหนึ่งสงสัยว่า คำพูดคำสุดท้ายของ Kane ที่ว่า rosebud นั้น มีความหมายว่าอย่างไร สิ่งที่ชายผู้สามารถครอบครองทุกอย่างในโลกนี้เอ่ยปากเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนสิ้นใจนั้น จะหมายถึงอะไร หลายคนเดาว่า อาจหมายถึงผู้หญิง เพราะความรักไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ท้ายที่สุดหาข้อสรุปไม่ได้จึงส่งนักข่าวหนุ่มคนหนึ่งออกสืบเรื่องราวเพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของ rosebud นี้
การดำเนินเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้คือการที่นักข่าวหนุ่มไปเยี่ยมเยียนผู้คนต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของ Kane ในหลายช่วงวัย นักข่าว(และผู้ชม) ก็ต่างค่อยๆรู้ความเป็นมาของชีวิต Kane ตามลำดับเวลาตั้งแต่เด็ก
โดยรวบรัดแล้ว Kane เกิดมาในความยากจน แต่โชคชะตาก็เปลี่ยนไปเมื่อมีการค้นพบเหมืองทอง"ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก"บนที่ดินของมารดาของเขา Kane ถูกส่งไปอยู่ภายใต้การดูแลของนายธนาคารคนหนึ่งเนื่องจากบิดาของเขาชอบใช้ความรุนแรง เมื่อ Kane เติบโตขึ้นก็ปฏิเสธที่จะสืบต่อกิจการอย่างอื่นจากนายธนาคารนอกจากกิจการหนังสือพิมพ์เท่านั้น เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างหนังสือพิมพ์ที่ถ่ายทอดความจริงโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ ภายแรกขาดทุนมากแต่ในภายหลังก็ประสบความสำเร็จ
Kane สมรสกับหลานของประธานาธิบดีและพยายามดันตนเองเข้าสู่วงการการเมือง แต่กลับล้มเหลวเนื่องจากโดนแบล็คเมล์เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาว Kane ได้หย่ากับภรรยาหลังจากนั้นและแต่งงานกับผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย ในช่วงหลังของชีวิต Kane ได้ใช้กำลังทรัพย์ในการกว้านสร้างคฤหาสน์ Xanadu และกว้านซื้อสมบัติต่างๆมาสะสม ภรรยาคนที่สองของ Kane ได้จากเขาไปเนื่องจากความไม่เข้าใจกัน Kane อยู่โดยลำพังในคฤหาสน์หลังใหญ่โตจนวันสุดท้ายของชีวิต เขาไม่มีความสุข
แล้ว rosebud คืออะไร?
นักข่าวหนุ่ม จนสุดท้ายแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ นักข่าวทีแรกพยายามสรุปว่าเป็นหญิงสาว หรือความรักที่ไม่สมหวังในชีวิต Kane แต่ภรรยาทั้งสองคนก็ไม่ใช่คำตอบ ทรัพย์สินที่ Kane ไม่สามารถหามาครอบครองได้ก็ไม่มีในโลก หลังจากความพยายามทั้งหมดแล้ว นักข่าวก็ยอมแพ้ และหันหลังจากไป
ในฉากสุดท้าย คนกลุ่มหนึ่งกำลังโยนสิ่งสะสมที่ไร้ค่าของ Kane เข้าไปในเตาเผา กล้องซูมเข้าไปสู่ของในมือของคนงานคนหนึ่ง เป็นเลื่อนหิมะเก่าๆ บนเลื่อนหิมะนั้นมีตัวอักษรเขียนว่า "rosebud" แล้วเขาก็โยนเลื่อนเข้าเตาเผาไป
แล้วแปลว่าอะไร?
ฉากหนึ่งในตอนแรก ในวัยเด็กของ Kane เขากำลังจะถูกพาตัวไปโดยที่ไม่ได้รู้มาก่อนโดยนายธนาคาร Kane เล่นหิมะอยู่นอกบ้านกับเลื่อนหิมะของเขา ส่วนพ่อแม่ของเขาคุยกับนายธนาคารอยู่ในบ้าน เมื่อตกลงกันเรียบร้อย แม่ของเขาก็เดินออกมานอกบ้าน บอกเขาว่าจากนี้ไปเขาต้องตามไปอยู่กับนายธนาคาร Kane แสดงอาการไม่ยินยอม เมื่อนายธนาคารพยายามที่จะพา Kane ไปเขาก็เอาเลื่อนหิมะนั้นเป็นเกราะป้องกันตัวเองจากนายธนาคาร
ดังนั้นฉากสุดท้ายที่ผู้ชมพบว่าปริศนา rosebud ที่แท้หมายถึงเลื่อหิมะอันนี้ ก็นำไปสู่การตีความได้หลากหลาย ตัวผมเองก็รู้สึกไม่แน่ใจกับการตีความส่วนตัวเช่นกัน
แต่สิ่งแรกที่สรุปได้คือ rosebud หรือเลื่อนหิมะ คงเป็นตัวแทนในวัยเด็กของ Kane ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่จะซื้อสิ่งของทุกอย่างในโลก แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้ต้องการความรักจากผู้หญิงคนใดด้วย แต่สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเขาคือวัยเด็ก และความรักจากพ่อแม่ Kane อาจคิดว่า ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนรวย และใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในบ้านนอกเหมือนที่ควรจะเป็น สุดท้ายในชีวิตเขาอาจมีความสุขกว่าการได้เป็นคนที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของสหรัฐอเมริกาก็เป็นได้
ผมว่าลึกๆแล้วในใจทุกคนก็มีสิ่งที่ตนเองถวิลหาอยู่อย่างหนึ่ง แต่รู้ตัวว่าไม่มีวันจะได้มา ไม่เว้นแม้แต่คนที่คนอื่นมองว่าเป็นคนที่มีทุกอย่างพร้อม และได้ในทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ
โดยส่วนตัวแล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หนังเรื่องที่ดีที่สุดที่เคยดูมา นักแสดงบางคนก็รู้สึกว่าท่าทางออกจะแข็งๆ(อาจเป็นคนละสไตล์กับสมัยนี้) แต่ก็คงต้องให้เครดิทว่าหนังเรื่องนี้มาในปี 1941 นายจอนนี่เอ็กซ์ก็ให้เกร็ดเพิ่มประมาณว่า การใช้มุมกล้องในบางตอนของหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการปฏิวัติวงการภาพยนต์ และพล๊อตเรื่องประมาณนี้ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนว่าในใจของผม Citizen Kane ย่อมสู้กับ Shawshank Redemption ไม่ได้อย่างแน่นอน
ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยกับการดูหนังนิดหน่อย อาจพักสักครู่แล้วดูต่อในวันหลัง
พบกันเมื่อชาติต้องการ
ชาติต้องการคุณมานานแล้ว
ReplyDeleteคฤหาสน์ Xanadu ใช่ Hearst Castle ที่ San Simeon, California หรือเปล่า เพราะเจ้าของ Heartst Castle ก็เป็นเจ้าของสื่อที่ยิ่งใหญ่มากในยุคนั้น และชอบสะสมของเก่าด้วย
ReplyDeleteเฮ้! บังเอิญมาก จะเข้ามาหาเรื่องเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้อ่านก็บล๊อกเก่าเก็บของคุณพี่ทิมซะได้
ReplyDeleteจุ๊บ
อยากรู้เกี่ยวกับมุมกล้อง weekหน้าเรามีสอบเรื่องนี้อะวิชาfilm มีใครจะช่วยเราได้บ้าง
ReplyDeleteShawshank เนี่ยนะ?
ReplyDeleteผมว่าพอคติเกิน
ReplyDelete