Monday, June 8, 2009

ชำแหละ 100% woman

ชำแหละในที่นี้ จะไม่ได้มีการเกี่ยวข้องของวัตถุมีคมใดๆทั้งสิ้น แต่จะมานั่งสนทนา(บ่น) เกี่ยวกับเรื่องสั้นที่ได้เสนอไว้ในบล๊อกก่อนหน้า


ถ้ายังไม่ได้อ่าน ก็เลื่อนลงไปอ่านซะก่อนนะครับ


ถ้าลองมองรวมๆแบบดิบๆ เรื่องสั้นเรื่องนี้มีส่วนที่ฟังดูสะท้อนความจริง และส่วนที่โม้อยู่ไม่น้อย

คนเราคงไม่มีทางป่วยถึงขนาดสูญเสียความทรงจำ

และคนเราคงไม่(อันนี้โดยส่วนตัวแล้วไม่เคย แต่ถ้าใครเคยก็บอกด้วย)เดินไปเรื่อยๆแล้วเจอคนที่ใช่ 100% และแน่ใจโดยที่ไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น

แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผมได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้เมื่อประมาณหลายเดือนก่อน แต่คล้ายๆกับว่า มีบางอย่างติดอยู่ในใจ ยากที่จะอธิบายได้

จริงหรือที่ในโลกนี้จะมีคนที่เหมาะสมกับเรา 100%

อันนี้ถ้าคิดดูตามหลักสถิติแล้วก็น่าจะจริง โลกนี้มีประชากรหลายพันล้านคน ถ้าอ้างอิงตาม normal distribution แล้ว มันก็น่าจะมีคนที่เหมาะกับเรา 50% 80% 97% 99% 99.99% หรือ 100% อยู่ที่ส่วนหางของ bell curve

สมมติว่า นายเอเป็นคนไทย อย่าง นายเอคงไม่มีแนวโน้มที่่จะมีรสนิยมในผู้หญิงแอฟริกัน อินเดีย หรือเอสกิโมอย่างแน่นอน ถ้าเราจะตัดสัดส่วนของประชากรในโลกที่เป็นหญิงสักครึ่งหนึ่งของ 6.7 พันล้านคน ก็จะเหลือ ประมาร 3.4 พันล้านคน เดาเอามั่วๆว่า เป็นผู้หญิงในเผ่าพันธุ์ที่นายเอโอเคอีกสักครึ่งหนึ่งของในนี้ ก็จะเหลืออีกประมาณ 1.7 พันล้านคน แต่ถ้าตัดอีกว่า ต้องเป็นผู้หญิงที่พูดภาษาเดียวกันกับนายเอได้ (โดยประมาณว่านายเอเชี่ยวชาญเพียงภาษาเดียว) ก็จำต้องเป็นคนในชาติเดียวกัน ซึ่งแต่ละชาติก็มีประชากรไม่เท่ากันอีก แต่ก็ยังอยู่ในตัวเลขที่เป็นหลักล้าน ดังนั้นถ้าคิดตามหลักสถิติแล้ว ผู้หญิงที่มีความเหมาะสมกับนายเอ 90% ขึ้นไป น่าจะมีอยู่หลายร้อย หลายพันคนอยู่

วันหนึ่งนายเออาจเดินไปชนกับผู้หญิง 100% เข้าเหมือนกับในเรื่องสั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้


ผมว่า ชีวิตคนเราเหมือนชิ้นจิ๊กซอว์ และคนที่เหลือในโลก ก็ต่างเป็นจิ๊กซอว์คนละชิ้น

ในทะเลของจิ๊กซอว์เป็นพันล้านชิ้น ผมคิดว่าคงต้องมีสักชิ้นที่ต่อกับชิ้นของเราได้อย่างพอดี ดังเช่นบุคคล 100%

คนบางคนวิ่งหาจิ๊กซอว์เป็นพันๆชิ้น แต่หาชิ้นที่พอดีไม่ได้ เหลือบไปเห็นชิ้นที่ใกล้เคียง ก็คว้ามาต่อ บางทีล๊อกอาจดูเหมือนลงรอย แต่ถ้ามันหลวมไป ก็ยากที่จะรั้งให้จิ๊กซอว์สองชิ้นติดกันตลอดไป ถ้าหากจิ๊กซอว์อีกชิ้นต่อไม่ลง แต่เรากลับฝืนดันมันให้ลงรอย คงดูขัดหูขัดตาไม่น้อย

บางทีปัญหาของคนเราคือ ไม่กล้าที่จะโยนจิ๊กซอว์ที่ดูใกล้เคียงนั้นทิ้งไป เพื่อหาจิ๊กซอว์ที่ต่อลงรอย 100% ต่อไป บางคนอาจไม่คิดว่าตนเองจะหาชิ้นที่ดีกว่าชิ้นที่ถืออยู่ได้ บางคนเหนื่อยที่จะลงไปว่ายวนในทะเลจิ๊กซอว์อีก

บางคนสูญเสียความสามารถที่จะรักเมื่อวัยผ่านไป ดังที่เห็นในเรื่อง

ผมคิดว่าจริง คนเราเมื่อวัยหนุ่มสาวเมื่อวันหนึ่งพานพบบุคคลที่ตนเองคิดว่าใช่ ก็ไร้ซึ่งข้อจำกัดและความสงสัยในจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันหากจับบุคคลคู่เดียวกันมาพบกันในหลายปีให้หลัง สิ่งที่ทั้งคู่คิดอาจไม่เหมือนเดิม

คนเราเมื่อรู้เดียงสาขึ้นตามวัย ก็สร้างข้อจำกัดขึ้นมากมาย ทุกๆความคิดอาจถูกจำกัดด้วยคำว่า"ถ้า"

หรือความรับผิดชอบต่างๆเช่นหน้าที่ การงาน ภาพพจน์ สังคม และอื่นๆหลายหลาก

ท้ายที่สุดแล้วคนๆหนึ่งเมื่อรอเวลาและวัยที่ผ่านไป ก็สูญเสียความสามารถที่จะมองเห็นแม้กระทั่งจิ๊กซอว์ชิ้นที่เหมาะสม 100% ที่วางอยู่ต่อหน้า

คิดกลับมาในชีวิตจริง ทุกๆวันที่คุณตื่นขึ้นมา ก็มีความน่าจะเป็นที่วันนั้นคุณอาจเดินเจอบุคคล 100% อย่างไม่คิดมาก่อน ถึงเวลานั้นเราแต่ละคนจะทำอย่างไร

ไม่แน่บุคคล 100% อาจอยู่ในชีวิตของเราแต่ละคนอยู่แล้ว เพียงแต่เส้นผมที่บังภูเขาอาจทำให้มองไม่เห็น

หรือเราอาจเป็นบุคคล 100% สำหรับคนอีกคนหนึ่ง แต่เขาหรือเธออาจยังมองไม่เห็นเช่นกัน


ยิ่งเขียนกลับรู้สึกยิ่งอีโม

จึงขอจบเพียงเท่านี้

3 comments:

  1. เข้าใจแล้ว จิ๊กซอว์ที่ไม่ลงรอยพอดีนักก็ต้องมีทะเลาะเป็นธรรมดา แต่ก็ยังอลุ่มอล่วยให้อภัยกันได้ แต่บางทีคนบางคนก็ไม่รู้จักการให้อภัย หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา จิ๊กซอว์ก็เข้ากันไม่ได้ เลยต้องแยกจากกันแล้วหาจิ๊กซอว์ใหม่ ที่สำคัญคือต้องจริงใจและพูดความจริง แม้ว่าความจริงนั้นอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอยู่บ้างก็ตาม

    ReplyDelete
  2. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  3. จิ๊กซอว์นั้นยังต่อง่ายเมื่อเข้าล็อกกัน แต่คนนั้นแม้เป็นคู่แท้กันจริงก็ยังต้องหยั่งเชิงคบดูนิสัย รักแรกพบนั้นคงจะเป็นไปได้ยากมาก

    ReplyDelete